วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

มีมั้ย??...วิธีไม่คิดมาก

ความคิดนี่เป็นกระบวนการที่ว่องไวมากเลยนะครับ

เราตอบสนองกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความคิดแบบไหนนั้น ก็เพราะกระบวนการดังต่อไปนี้ - ทันทีที่ ประสาทสัมผัส(หู ตา จมูก ปาก กายสัมผัส) รับรู้สิ่งเร้า...ก็จะแปลความหมาย แล้วส่งไปตามเส้นประสาท เข้าสู่สมอง สมองก็ตีความออกมา เป็นความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อสิ่งต่างๆ ที่ได้สัมผัสนั้น ซะแล้ว ถ้าเป็นความรู้สึกร้อน-เย็น, เหม็น-หอม นี่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่อง ที่ปวดหัวคนเรา ก็เพราะหัวกะบาลมันตีความตาม ทัศนะคติและประสบการณ์ ออกเป็นเรื่องที่คิดมากเกินไป แล้วจะแก้ได้ยังไง นี้เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเท่านั้น ความคิดยังเกิดจากประสบการณ์เบื้องหลังอีก และหลายครั้งเกิดจาก Stereotypes หรือ การคิดแบบตายตัวอีก เช่น ฝรั่งรวย คนแขกตัวเหม็น คนใต้ดุ เขยไทยขี้เกียจ พวกนี้มันความคิดที่ตีตรา ลวงโลกทั้งนั้นเลย

           มีมั้ย??...วิธีไม่คิดมาก คุณเคยมั้ยที่มีอาการคิดมากไปเอง ...เช่น คุณได้ร่วมงานกับคนแปลกหน้า ขณะที่พบกันครั้งแรก คุณจับมือกับเขา แล้ว สบตากัน ดวงตาของคุณสังเกตเห็นว่า เขา ยิ้มที่มุมปากอย่างไม่เป็นมิตร ดวงตา ส่ง ข้อความ ไปตีความที่สมองเรียบร้อยแล้ว คุณรู้สึกไม่สบายใจ และคิดว่า คนๆ นี้ อาจไม่น่าไว้ใจ อึดอัดมากทำงานกับเค้าตั้งนานสุดท้าย เค้าก็แค่คน หน้าดุคนนึง คิดมากจนจะกลายเป็นโรคคิดมากกันไปอยู่แล้วคนสมัยนี้

           หรือ คุณโทรไปหาแฟน เธอพูดห้วนกับคุณ อย่างที่คุณไม่คุ้น คุณได้ฟัง และรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไป??? แต่ความจริง  คุณโทรไปขณะที่เธอกำลังยุ่ง หรือคุณอ่านข่าว น้ำแข็งขั้วโลกละลาย คุณนั่งกังวล 3 วัน 7 วัน ว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสานจนทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง???

          มีคำถาม ถามกันบ่อย ทำไงดี ผมเป็นคนคิดมาก
คำถาม ที่ คนคิดมากควร ถามตัวเองกลับก็คือ คุณคิดมากทุกเรื่องรึเปล่า หรือบางเรื่อง ครับ

          สำหรับคนชอบคิดมาก และหาวิธีไม่คิดมากนั้น ผมอยากบอกว่า ทำไมได้หรอกครับ

          เพราะอะไร เพราะยิ่งคุณๆ ไม่อยากคิด คุณก็จะยิ่งคิดครับ มันจะมีอะไรต่อมิอะไร พุ่งออกมาจากหัวสมองเยอะไปหมด ภายในไม่กี่วินานาที เช่น ทำไงดีฉันคิดมากไป ทำยังไงให้คิดน้อยลงนะ มันต้องมีวิธีสิ หาในอินเตอร์เน็ตจะมีมั้ย เอ๊ะ เคยอ่านเจอในหนังสือเค้าบอกว่า...บลาๆๆๆ นั่นไงครับ ยิ่งคิดยิ่งมาเยอะ ความคิดคนเรานี่ก็แปลก

วันนี้ เราจะ มาเสนอ วิธี คิดเท่าเดิม แต่เพิ่มประสิทธิภาพกันครับ 

1. คิดบวกดูดี และสบายใจ 
          ลองเปลี่ยนจากคำว่า  คิดมาก...วิตก...สับสน   มาเป็น    คิดเยอะ ...วิเคราะห์ ...สร้างสรรค์

คำ 2 ชุดนี้แตกต่างกันอย่างไรครับ ชุด ที่ 1 เป็นคำด้านลบ ฟัง แล้ว ดูหดหู่ ห่อเหี่ยวเหมือนเกี๊ยวซ่า แช่น้ำซุป ส่วนอีกชุด ความหมายคล้ายกัน มีบางคำที่สะกดด้วยอักษรใกล้เคียง แต่ฟังแล้วสดชื่นกว่ากัน เหตุการณ์เดิมครับ แต่เป็นด้านความคิดสร้างสรรค์ ในอีกมุมมอง ทุกอย่างไม่ได้มีแค่ด้านเดียวครับลองมองต่างมุมดูครับ

ดังนั้นไม่ว่าเจอสถานะการณ์ใดๆ ให้คุณๆ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ สถานะการณ์นั้นครับ เชื่อเถอะครับถ้าเรามองมันเสียใหม่อะไรๆ ก็จะดีขึ้นครับ

ตัวอย่างที่ดี ::: คือ สตีป จ๊อบ เจ้าแห่งนวตกรรม แบรนด์ APPLE นั้นแหละครับ เค้าก่อนตั้ง บริษัท APPLE Inc. ตั้งแต่ยังอยู่วัยเรียน ดูแลจนกิจการเติบโต วันหนึ่งได้ตัดสินใจเพิ่มทุนโดยการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ และเมื่อเข้าตลาด ก็มีผู้ถือหุ้น และ เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็น CEO บริหารบริษัทซึ่งเขาก่อตั้ง แต่วันหนึ่ง เขาถูก ไล่ออกจากบริษัท ของตัวเอง ในที่สุดเขาก็ คิดมาก...วิตก...สับสน  จิตตกไปครับสุดท้ายเขาก็ ยืนหยัดใหม่โดยเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างอะไรใหม่ๆ เขาจึงตั้งบริษัท PIXAR (ที่ทำการ์ตูน 3D นั่นแหละครับ) ขึ้นมา และสุดท้ายก็ตั้งตัวได้ใหม่ และได้กลับเข้ามา บริหาร APPLE อีก และ ทำให้เกิดอะไรต่อมิอะไรดีๆ ให้คนทั้งโลกได้ใช้ จากความคิดที่ คิดเยอะ ...วิเคราะห์ ...สร้างสรรค์ ของเขานั่นเอง

"อย่าพยายามคิดในสิ่งที่จะทำร้ายตัวคุณเอง จงเอาเวลาที่คิดสิ่งนั้นไปคิดในสิ่งที่ดีกว่า และเกิดประโยชน์กว่า แค่เปลี่ยนวิธีการคิดชีวิตก็เปลี่ยน"


2. เบนเข็มความคิดออกจากความคิดเดิมๆ ที่ซ้ำเติมคุณอยู่
           คนที่จมอยู่กับความคิดเก่าๆ ไม่สามารถสลัด ความกังวลออกไปได้ สุดท้ายจะมีสภาพไม่ต่างจาก การจมปลักโคลนแห่งความท้อแท้ใจ อย่ามัวปล่อยตัวปล่อยเวลาเวียนว่ายอยู่ในบ่อโคลนเน่าๆ นั้นครับ ลองหากิจกรรม อื่นๆ ทำ หรือโฟกัสไปที่ สิ่งที่มีประโยชน์

- ลองหา คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ และหากิจกรรมทำร่วมกับเขา
- หากิจกรรมที่ทำแล้วผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น อ่านหนังสือ
- เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ การทำสิ่งใหม่ๆ จะทำให้ ชีวิตสดชื่น คุณจะโฟกัสที่มัน และ ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ เหล่านั้นมากกว่า

3. อย่าหาคนรับผิดชอบความคิดของคุณ!!
            หลายคนตกเป็นจำเลยความคิดของตัวเอง หรือไม่ก็พยายามหา แพะ มารับบาป เช่น เพราะเธอทำแบบนี้บ่อยๆ ฉันจึงอารมณ์เสีย เป็นความผิดของเขา หรือ เป็นเพราะโชคชะตาฟ้าดิน แต่ให้ทำความเข้าใจเบื้องหลังของบุคคล ที่ทำให้เขาหรือเธอ หรืออะไรก็ตาม ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ โดยไม่พุ่งเป้าที่ตัวบุคคล และคุณเองเท่านั้นที่จะต้องเป็นฝ่ายจัดการกับความคิดของคุณ ไม่ใช่คุณโทษตัวเอง แต่ให้คุณทำใจให้กว้างและปล่อยวางต่างหาก


อย่างไรก็ดีครับ ความคิดเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ง่าย แต่เป็นเรื่องที่บริหารกันได้ "ความสุขหรือความทุกข์ห่างกันแค่เส้นกั้นบางๆ ก็คือเส้นกั้นทางความคิดนี่แหละครับ" 


ไม่อย่างงั้น โบราณท่านจะว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจอย่างนั้นเหรอครับ คิดดีมีความสุข ก็สุขแท้เหมือนสวรรค์ คิดมากวุ่นวายพันลวัน ก็เหมือนฝันว่าตกนรกอยู่ร่ำไป เลิกคิดมาก และมาคิดเยอะในสิ่งที่สร้างสรรค์กันดีกว่าครับ ^^

บทความที่ได้รับความนิยม