ทำไม ทำไม ทำไม !!!!
เรื่องชวนหัวหน้าคิดวันนี้ คือ ทำไม คนชอบพูดคำว่า ทำไม??? คนเราตอบสนองต่อความความสงสัย ด้วยวลีสั้นๆ ที่ว่า ทำไม เสมอๆ ลองคิดเล่นๆ ดูก็ได้ครับว่า ในหนึ่งวัน คุณเองพูดว่าทำไม ไปกี่ครั้ง ก่อนจะมานั่งพร่ำให้คุณอ่านผมก็ได้ไปทดสอบโดยการ ถามพี่ชายของผมไปว่า
"พี่ๆ เวลาคนเราสงสัยอะไรคนเราจะทำยังไง?"
"ไม่รู้ ถามทำไม!!" คำตอบสั้นๆ ห้วนๆ ที่ไม่ได้ทำให้เกิดอะไรใหม่ในสังคม ก็ออกจากปากท่านพี่ของผม
ทำไม? = Why?
แล้วคุณละครับ เวลาที่จะคิด จะริเริ่ม สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ เคยเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่า?
สิ่งสารพัด ในโลกนี้เกิดขึ้นมา คำว่าทำไม นั้นมีส่วนทำให้เกิดขึ้น แต่ คำว่าอย่างไร? น่าจะเป็นตัวผลักดันให้เกิดงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ เสียมากกว่า
เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
มีอยู่ครั้งนึงผู้เขียนได้รับมอบหมายจากมูลนิธิที่ช่วยงานอยู่ให้ หาทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในวันพันธกิจ(คล้ายๆ วันเกิดโครงการอะไรประมาณนั้น) ก็ได้รับมอบหมายให้นำเด็กๆ ที่สอนอยู่ประดิษฐ์ของเล็กๆ น้อยๆ สำหรับขายหาทุน พอดูงบ ความคิดที่เกิดขึ้นครั้งแรกก็คือ โอ้
ทำไมงบเราน้อยจัง ได้งบมาน่าจะ 1000 ได้ แล้วเด็กก็หลายคนอยู่ และผู้เขียนเองสอนคอมพิวเตอร์ให้เด็กน้อย การจะทำสินค้าบางอย่างจากคอมก็ค่อนข้างยากอยู่(สำหรับเด็ก ป.4) โจทย์คือ ผลงานตามชมรมของเด็กๆ ก็คือ คอมพิวเตอร์ พอคิดว่าจะ ทำการ์ดซักหน่อย ชมรมศิลปะก็จองไปซะแล้ว พอเปลี่ยนจะทำที่คั่นหนังสือ เด็กๆ ชมรมรักการอ่านก็สอยไอเดียไปก่อนซะแล้ว คำถามที่สองก็ตามมา
ทำไมคิดยากจังคิดยังไงก็ซ้ำ คิดๆๆๆ ยังไงก็คิดไม่ออก พอดูงบประมาณ และคาดการณ์ กำไรที่ต้องได้แล้ว ก็เกิดคำถามในใจอีก
ทำไมต้องหาเงินเยอะจัง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ผู้บริจาคน้อยลงไป ค่าอาหารกลางวัน หนูๆ ก็ขึ้น ค่าอื่นๆ อีก ขึ้นหมด แถมเงินบริจาคจาก USA เป็นเงินดอล โดนค่าเงินบาทแข็งเข้าไป งบประมาณขาดกระจุย ก็เลยต้องหาเยอะอยู่
ผู้เขียนก็เลย ตั้งโจทย์ใหม่กับเด็กๆ ว่า
ทำไมงบน้อยจัง เปลี่ยนเป็น จะทำอย่างไรให้งบที่มีใช้ได้คุ้มค่าที่สุด
ทำไมคิดยากจังคิดยังไงก็ซ้ำ เปลี่ยนเป็น จะสร้างความแตกต่างอย่างไร?
ทำไมต้องหาเงินเยอะจัง เปลี่ยนเป็น ทำอย่างไรที่จะลกต้นทุน และเพิ่มกำไรจาการขายของที่ระลึกได้?
คำว่า ทำไม ทำไม ทำไม จะทำให้เรามองที่ปัญหา ย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างงั้น และไม่ก่อให้เกิดวิธีการแก้ปัญหา จะต่างกับคำว่า อย่างไร? หรือ How ซึ่งจะนำไปสู่การคิดต่อยอด ความคิดสร้างสรรค์ได้
ในที่สุด ก็ปิ้งไอเดียทำปฎิทิน น้องในชมรมคนหนึ่งก็บอกขึ้นมา เราวาดรูปได้ เราอยากวาดรูป ผู้เขียนจึงให้วาดรูปลงในกระดาษนั่นแหละ แล้ว สแกนใส่คอม และให้เด็กๆ ตกแต่งรูปง่ายๆ ด้วย โปรแกรมโฟโตช็อป และนำภาพนั้นไปทำปฎิทินไม้สวยงาม ผลงานจึงโดดเด่น และขายได้กำไร เท่าตัวจากที่ลงทุนไปวันนี้เอารูปมาให้ดูด้วย
|
รูปตัวอย่างผลงาน ฝีมือเด็กๆ ชมรมทำ |
ตัวอย่างที่ดี ของคำว่า ทำไม และอย่างไร?
เมื่อนานมาแล้ว มีเด็กชาย ที่ชื่อว่า ไอแซก นิวตัน ชอบไปแอบนอนหลับใต้ต้น แอ๊ปเปิ้ล เป็นประจำทุกๆ บ่าย วันหนึ่ง บังเอิญว่า ต้นแอ๊ปเปิ้ลนั้น โตเต็มที่และกำลังออกผล ผลที่สุกก็ หล่นตุ๊บ ใส่กลางกระบาน เด็กชายไอแซค นิวตัน จนสะดุ้งตื่น เด็กชายไอแซก ก็ ตัดพ้อ ต้นไม้นั้นว่า
"คุณต้นไม้นี่นะ ใจร้ายจัง ...ทำไมต้องทิ้งแอ๊ปเปิ้ลใส่หัว หนูด้วย"
"..." ต้นไม้ไม่ตอบอะไร แต่ทิ้งแอ๊ปเปิ้ลอีกลูกลงกลาง หัว เจ้าเด็กน้อยอีกครั้ง
"โอ้ย!!! ทำไมต้องตกลงมาตรงนี้ด้วย!!!" เด็กน้อยตะโกนต่อว่า
"..." ต้นไม้ก็ยัง ไม่ตอบอะไร สุดท้ายเด็กน้อย มองขึ้นไป เห็นแอ๊ปเปิ้ล อีกลูกกำลังจะตกลงมา เด็กน้อยจึง
หลบได้ และเริ่มเกิดความคิดใหม่ๆ ว่า มันตกลงมาได้อย่างไร?
เด็กน้อย เห็นว่า ของที่ตกลงมาเวลาตกจะตกลงมา จากข้างบนสู่พื้น ในทิศทางตรง เด็กน้อยเรียกกระบวนการนี้ว่า แรงดึงดูดของโลก
สำหรับคนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง นะครับ ถ้า เรามัวตัดพ้อต่อว่า โชคชะตา ว่า
ทำไมชีวิตฉันถึงแย่แบบนี้
ทำไมลูกๆ ถึงทะเลาะกัน
ทำไมมันถึงไม่เป็นอย่างี้
ทำไมถึงไม่เป็นอย่างงั้น
...ทำไมถึงทำกับฉันได้
ลองเปลี่ยนคำว่า ทำไม เป็นคำว่าอย่างไร? กันดีกว่า ทำอย่างไรชีวิตฉันถึงจะดีขึ้น ทำอย่างไรลูกๆ จะรักกัน ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ก็จะดูมีความหวังกว่า พร่ำๆ บ่นๆ ทำไมๆๆๆ นะครับ ทำไมจะบอกเราถึงสาเหตุ ส่วนทำอย่างไร? จะบอกถึงการแก้ปัญหา
"แค่เปลี่ยนความ...คิดชีวิตก็เปลี่ยน" จริงๆ นะครับ ^^
เขียนโดย พีระพัฒน์ โตวรกุล